ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร พร้อมนำกัญชาที่ปลูกผลิตยาแพทย์แผนไทย
เช้าวันนี้ (29 ต.ค. 62) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัชรพงษ์ อินทรวงศ์ รองอธิการบดีวิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมพืชกัญชาทางการแพทย์ว่า กัญชาในรอบนี้ได้ถูกวางแผนการปลูกเพื่อให้ได้วัตถุดิบสำคัญ 4 ส่วน คือ ดอก ใบ ก้านใบ และราก นับตั้งแต่ย้ายปลูกต้นกล้ากัญชา เมื่อวันที่ 19 กันยายน จนถึงวันนี้รวมระยะเวลาประมาณ 5 สัปดาห์ ต้นกัญชามีการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ดี ใบและก้านใบพร้อมส่งต่อให้โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เพื่อนำไปผลิตเป็นยาแผนไทย โดยทีมงานได้เก็บข้อมูลการปลูกเพื่อถอดองค์ความรู้ที่ได้เป็นต้นแบบและคู่มือการปลูกกัญชาทางการแพทย์ตามมาตรฐาน GACP และเปิดสอนให้วิสาหกิจชุมชนในรูปแบบการอบรมเชิงปฏิบัติการต่อไป
ดร.เจษฎา ภัทรเลอพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญสรีรวิทยาการผลิตพืช กล่าวว่า กัญชาของทีมงานมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร มีการเจริญเติบโตที่ดี มีความสูงมากกว่า 1.50 เมตร หลังย้ายปลูก 1 เดือน คิดเป็นการเติบโตด้านความสูงเฉลี่ย วันละ 3 เซนติเมตร เคล็ดลับที่สำคัญมีดังนี้
1. การเพาะเมล็ดได้ดี โดยใช้วัสดุเพาะเป็นพีทมอส ซึ่งมีคุณสมบัติดูดน้ำได้ดี แต่มีความโปร่งและระบายน้ำดี และมีธาตุอาหารครบถ้วนในตัวเอง เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้ากัญชา ทำให้เมล็ดกัญชางอก และกล้าเติบโตดี
2. การย้ายปลูกในระยะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากการเพาะกล้าทำในถาดเพาะซึ่งแต่ละหลุมเพาะมีวัสดุเพาะในจำนวนจำกัด ถึงแม้วัสดุเพาะจะมีธาตุอาหารครบถ้วน แต่เมื่อต้นกล้าเติบโตขึ้นธาตุอาหารในหลุมเพาะไม่เพียงจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโตเมื่อย้ายปลูก และต้องใช้เวลานานกว่าต้นกล้าจะตั้งตัวได้ หรือเสี่ยงที่ต้นกล้าจะแคระแกร็นไม่เจริญเติบโตอีกเลย
3. การใช้วัสดุปลูกมีความโปร่งระบายน้ำดี และมีธาตุอาหารสมบูรณ์ เลือกใช้ดินผสมปุ๋ยหมัก โดยดินเป็นแหล่งของธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรอง และการใช้ปุ๋ยหมักเพื่อเป็นแหล่งของจุลธาตุ และปรับสภาพทางกายภาพให้มีความโปร่ง เนื่องกัญชาเป็นพืชไม่มีเนื้อไม้ ระบบรากไม่แข็งแรง ต้องการดินที่โปร่งระบายน้ำดี
4. การให้น้ำด้วยระบบอัตโนมัติ ให้ทีละน้อยแต่ให้บ่อยๆ ทำให้ต้นกัญชาได้รับน้ำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็รักษาระดับความชื้นของดินไม่ให้สูงเกินไป ต้นกัญชาไม่เกิดสภาวะเครียดแม้ในช่วงบ่าย จึงเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
5. การให้ปุ๋ยไปพร้อมน้ำ (Fertigation) ทำให้ต้นกัญชาได้รับปุ๋ยต่อเนื่องตลอดเวลาและเพียงพอ เนื่องจากต้นกัญชาโตเร็วมากกว่าต้นพืชทั่วๆ ไป จึงมีความต้องการธาตุอาหารมากตามไปด้วย การปลูกกัญชาในภาชนะปลูกซึ่งมีปริมาตรของวัสดุปลูกจำกัด จึงมีธาตุอาหารจำกัด การให้ปุ๋ยพร้อมกับการให้น้ำจึงช่วยเสริมให้ต้นกัญชาได้รับธาตุอาหารอย่างเพียงพอตลอดเวลา
6. การให้แสงเสริม เพิ่มจากแสงธรรมชาติ ช่วยยืดระยะเวลาในการสร้างอาหารผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เพิ่มการเติบโต และบังคับไม่ให้กัญชาออกดอกก่อนเวลา เนื่องจากกัญชาเป็นพืชวันสั้น หากได้รับแสงน้อยกว่า 12 ชม./วัน จะกระตุ้นการสร้างตาดอก เมื่อต้นกัญชาออกดอกจะนำอาหารที่สร้างได้มาสร้างดอกทำให้การเจริญเติบโตหยุดชะงัก
พญ.กัญญาภัค ศิลารักษ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร กล่าวว่า จะนำวัตถุดิบกัญชาที่ได้รับจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร ในล๊อตแรกนี้ ซึ่งได้ทำการเก็บเกี่ยวในส่วนของใบและก้านใบ ไปคัดแยกในส่วนของใบและก้านใบเพื่อในไปเข้าตำรับยากัญชาที่โรงพยาบาลได้รับอนุญาตให้ผลิต จำนวน 3 ตำรับ ได้แก่ ส่วนใบ นำไปใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาศุขไสยาศน์ และยาแก้ลมแก้เส้น และส่วนของก้านใบ จะนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาแก้โรคจิต ซึ่งวัตถุดิบที่ได้ในวันนี้คาดว่าจะสามารถผลิตยาศุขไสยาศน์ได้ 4,000 ซอง ยาแก้ลมแก้เส้น 4,000 ซอง และยาแก้โรคจิตจำนวน 5,000 ซอง
#มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร #กัญชา #ยาแพทย์แผนไทย #สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : กษิเดช ชมภูสิงห์
ผู้เรียบเรียง : วรัญญา นันตาแก้ว
แหล่งที่มา : สวท.สกลนคร